ไม่เป็นตำรวจไม่รู้หรอก

ตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นตำแหน่งที่ต้องคำสาป แทบไม่มีใครที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้วอยู่ได้จนเกษียณราชการ ยกเว้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตผบ.ตร. เพียงคนเดียวเท่านั้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.คนปัจจุบัน  ก็หนีไม่พ้นคำสาปนั้นเช่นกัน โดยการเปลี่ยนอำนาจจากรัฐบาลรักษาการ มาเป็นของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ  ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะฯ  และได้ออกคำสั่งย้าย ผบ.ตร. ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี..... ซึ่งการโยกย้ายผบ.ตร.นั้นมีมาหลายครั้ง จนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว.... แต่ครั้งนี้ตำรวจไม่ยอม!! เพราะการโยกย้ายครั้งนี้ตำรวจจะไม่ต่อต้านเลย ถ้า ร.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ไม่ได้ขอย้ายจากสน.ปทุมวัน อาสาสมัครไปต่อสู้กับผู้การร้ายคอมมิวนิสต์ ในท้องที่ อำเภอนาแก จนชาวบ้านที่นั่นยอมรับว่าท่านเป็น "วีรบุรุษนาแก" ในปี 2520 ถ้า ร.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ไม่ได้รับรางวัล คนไทยตัวอย่าง จากมูลนิธิธารน้ำใจ ประจำปี 2527 ถ้า ร.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ไม่ได้รับรางวัล "ตำรวจดีเด่น" จาก กรมตำรวจ สองปีซ้อน ในปี 2527-2528 ถ้า ร.ต.อ.อดุลย

สวัสดีครับ เพิ่งเขียนเรื่อง Good Soldier - Bad Cop ไปไม่กี่วัน วันนี้ก็เห็นผลทันทีครับ ทหารออกมาเล่นบทพระเอก ได้ใจประชาชนไปเยอะมาก นักการเมือง,นายทุนนิยม อาชญากร พ่อค้ายาเสพติด ล้วนระส่ำระส่ายไปทั้งบาง... แต่เพื่อนๆตำรวจหลายคนล้วนแสดงความไม่พอใจกับการกระทำของทหารในครั้งนี้ แสดงการต่อต้านเพราะมันเหมือนเป็นการช่วยฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลอย่างชัดเจน... ขัดกับหลักประชาธิปไตยที่ตำรวจพยายามปกป้องกันมานาน... ผมเองกลับมองต่างมุมครับ ผมมองว่าตำรวจเราทำดีแล้ว ที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลยังไม่สามารถชนะรัฐบาลได้มาจนถึงทุกวันนี้ เพราะความสามารถของตำรวจเราล้วนๆครับ มีทั้งลูกล่อ ลูกชน จนฝ่ายม๊อบเป๋ไปหลายๆครั้งเหมือนกัน....  แต่แม้เราจะรักษาสถานการณ์ไว้ได้นานเท่าใด ตำรวจก็ยังไม่ชนะม๊อบซักที.. เพราะหากอยากชนะเราต้องบุกจับแกนนำ และอาจต้องมีการปะทะ จนสูญเสียเลือดเนื้อทั้งสองฝ่าย เช่นเหตุการสลายการชุมนุมเสื้อแดงปี 53 ที่ทหารกับเสื้อแดงต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จำกันได้มั้ยครับ? อยากให้มีเหตุการณ์เช่นนั้นจริงๆหรือ...เพราะคนตายส่วนใหญ่ไม่ใช่แกนนำและผู้ออกคำสั่ง แต่เป็นประชาชนผู้มีศรัทธาในคำลวงของแกนนำ  และ เจ้า

ถ้าคุณเคยเป็นตำรวจสืบสวน หรือ ติดตามหนังเกี่ยวกับการสืบคดีต่างๆ คุณคงจะเคยได้ยินสำนวนที่ว่า Good Cop - Bad Cop ตำรวจดี-ตำรวจเลว สำนวนดังกล่าวมันคือเทคนิคการสืบสวนของตำรวจ โดยการใช้ตำรวจสองนายเจรจาต่อรองกับบุคคลที่ต้องการข้อมูล นายหนึ่งจะใช้วิธีข่มขู่ กดดัน ทำให้เกรงกลัวอันตรายที่จะได้รับ อีกนายหนึ่งจะใช้วิธีปลอบโยน ทำให้รู็สึกว่าเป็นพวก และสามารถช่วยเหลือเค้าได้ ปกติธรรมดาของคน เมื่อเจอภาวะกดดันจากตำรวจเลว พอมีตำรวจดีมาช่วยก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือทันที เพื่อเอาตัวรอดตามสัญชาติญาณ....    นั่นคือ Good Cop - Bad Cop แต่สำนวนดังกล่าวใช่ว่าจะใช้แค่เทคนิคในการสืบสวนเท่านั้น มันกลับเป็นศาสตร์ของการปกครองแขนงนึง ครั้งแรกที่ผมสัมผัสศาสตร์การปกครองชนิดนี้คือสมัยที่ผมเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร!! กล่าวคือ นักเรียนบังคับบัญชาโรงเรียนเตรียมทหาร ในสมัยนั้น ( 2544-2546 ) ในกองพันนึงจะมีประมาณ 13 คน แบ่งเป็นหัวหน้าหมวด 9 คน หัวหน้ากอง 3 คน และหัวหน้ากองพัน 1 คน นักเรียนบังคับบัญชาแต่ละคนก็จะต้องประชุมกันว่า ใครจะเล่นบทฝืด (โหด) ใครจะเล่นบท แฟร็งค์ (ดี) ในกองพันของตน เพื่อฝึกจิตใจของรุ่นน้