บนเส้นทางผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ที่แสนยาวไกล


     วันนี้มานั่งถามตัวเองถึงเส้นทางของการเป็นตำรวจของเราแบบที่อาจารย์เคยสอนให้คิดไว้ว่า
อีก 5 ปี 10 ปี 20 ปี ข้างหน้าเราจะเป็นอย่างไร
ก่อนอื่นก็ต้องท้าวความไปในสมัยที่เรายังเป็นเด็กน้อยที่พอจำความได้
เมื่อมีคนถามว่าโตขึ้นผมอยากเป็นอะไร ผมตอบทันทีว่า ผมอยากเป็นตำรวจครับ ทำไมล่ะ?
ผมอยากปกป้องคนอื่นครับ คิดแบบเด็กๆ อ่ะนะ อาชีพเดียวที่เหมือน Hero ในการ์ตูนก็คือตำรวจนี่ล่ะ…
    ยิ่งพอโตมาเป็นเด็กหนุ่มอายุ 16-17 มีความฝัน มีอุดมการณ์ แล้วยังได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนเตรียมทหาร
ที่เรียกได้ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ในทุกหย่อมหญ้า สอนให้รู้จักเสียสละ สอนให้รักครอบครัว
รักประชาชน และรักประเทศชาติ มากกว่าที่เคยเป็น อีกทั้งได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักเรียนบังคับบัญชาคอย
ปลูกฝังอุดมาการณ์ให้แก่รุ่นน้อง เพื่อออกไปช่วยกันรับใช้ประเทศชาติต่อไปแล้ว อุดมการณ์มันยิ่งฝังลึก..

    พอเริ่มเป็นหนุ่มแตกฉาน ที่วัย 18 ฝน 18 หนาว ได้เข้าไปฝึกฝนอยู่ในดินแดนแห่งสุภาพบุรุษสามพราน
หรือโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานต่อเนื่องมากว่า 100 ปี!! ที่สถาบันแห่งนี้ได้ปลูกฝัง
ความเป็นตำรวจในอุดมคติ ที่มีทั้ง ความยุติธรรม ความอดทน ความเสียสละ ความอ้อนน้อมถ่อมตน
สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงมีในการที่จะออกไปดูแลและให้บริการประชาชน   อุดมการ์ณที่เข้มข้น การฝึกที่แสนหนัก
หนาสาหัส เรียกได้ว่าแทบตาย การสาบานตนและการท่องจำอุดมคติของตำรวจในทุกๆวันที่พึ่่งพิงอาศัยใน
สถาบันแห่งนี้เป็นเวลา 4 ปีเต็มๆ ที่เด็กหนุ่มที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัว ได้รับการอบรมและบ่มเพาะมา
โดยตลอด และเมื่อผมเรียนอยู่ในปีสุดท้ายก็ได้รับโอกาสให้เป็นนักเรียนบังคับบัญชาที่มีหน้าที่ปลูกฝัง
อุดมการณ์และเป็นแบบอย่างให้แก่รุ่นน้องได้เดินตามรอยอีกครั้ง ยิ่งตอกย้ำอุดมการณ์ให้ฝังเข้าไปในจิตใจ
และสถานบันแห่งนี้ก็ยังเป้นสถานบันเดียวกับที่ผลิตวีรบุรุษของคนไทยหลายๆ คน อาทิ
ผู้กองแคน (รุ่น 54)  ผู้หมวดตี๊ (รุ่น 60 ) และ ผู้หมวดเอก (รุ่น 61)
ที่ความเสียสละของพวกเค้าเป็นที่จดจำในสังคมไทยจนมาถึงทุกวันนี้…. 
จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งผมได้จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจมาแล้ว เป็นเวลา 2 ปี และได้เรียนรู้ว่าโลกแห่งความจริง
และโลกแห่งอุดมการณ์ที่เคยรู้มานั่นมันต่างกันโดยสิ้นเชิง  และในโรงเรียนที่กล่าวมาข้างต้นก็ไม่เคยสอนวิธี
รับมือกับโลกแห่งความเป็นจริงซะด้วยซิ  ไม่เคยสอนวิธีจัดการกับบ่อน กับ เจ้ามือหวยที่ส่งส่วยให้ผู้ใหญ่ในพื่นที่
ไม่เคยสอนว่าจะมองหน้าเจ้ามือหวยกับเจ้ามือบ่อนที่โดนจับเพราะไม่ได้ส่งส่วยอย่างภูมิใจได้อย่างไร ไม่เคยสอน
ว่าตอบคำถามชาวบ้านได้อย่างไรว่าทำไมบ่อนจึงไม่หมดไปทั้งที่ตำรวจก็รู้แต่ไม่ทำอะไร ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน 
ไม่เคยสอนว่าเวลาจะวิ่งเต้นต้องเข้าหาใครแล้วจะเจริญก้าวหน้าในหน้าที่  ไม่เคยสอนว่าเวลาโยกย้ายต้องใช้สิ่งของ
และเงินทองเป็นตัวตัดสิน  และไม่เคยสอนว่าจะใช้ชีวิตตามอุดมการณ์ที่เคยเรียนมาในโรงเรียนในโลกแห่งความ
จริงได้อย่างไร….. 
ปัจจุบันในวัย 25 ปี ส่วนตัวผมเองก็ได้รับเงินจากส่วยที่จัดสรรมาให้ แต่เชื่อมั้ยครับ เงินที่ผมได้มาผมไม่เคยภูมิใจ
เลยซักครั้งไม่เคยยินดีกับเงินเหล่านี้เลย แม้ว่าเงินเดือนผมมันจะน้อยนิดแต่ผมก็ภูมิใจที่ได้มันมาจากน้ำพักน้ำแรง
ของผมซึ่งถ้าผมเลือกได้ผมขอเอาเกียรติและศักดิ์ศรีของผมแลกกับเงินเหล่านั้นดีกว่า แต่ผมยังทำไม่ได้
เพราะหากออกตัวไปตอนนี้   ก็เท่ากับหนีปัญหาและไม่ได้ทำอะไรให้สังคมตำรวจและประเทศชาติดีขึ้น
    จากนั้นเลยมานั่งคิดว่าหากเป็นอย่างนี้ ในอีก 5 ปีข้างหน้าที่เราเป็นสารวัตร เราจะเป็นสารวัตรที่พอสิ้นเดือนให้
ลูกน้องไปเก็บเงินจากเจ้ามือบ่อน เจ้ามือหวย และส่วยๆต่าง มาแบ่งใส่ซองเพื่อจัดสรรปันส่วนให้นายนั่น นายนี่หรือ?
แล้วอีก 10 ปีข้างหน้าเราจะเป็นผู้กำกับที่สิ้นเดือนก็มานั่งรอสารวัตรนำซองมาให้ เพิ่อนำไปให้นายๆ
เพื่อเป็นการรักษาตำแหน่งและเก้าอี้ต่อไปหรือ?
แล้วอีก 20 ปีข้างหน้า เราจะเป็น นายตำรวจที่มียศสูงๆ แต่ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี วันๆ คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง แต่
ไม่คำนึงถึงคุณภาพชิวิตของประชาชน??
แล้วประชาชนล่ะ จะเป็นอย่างไร หากตำรวจกลายเป็นอย่างนี้หมด  ใครมีเส้นสาย ใครมีเงินจ่ายตำรวจ ก็สามารถเปิด
บ่อย เป็นเจ้ามือหวย ใครไม่มีก็โดนจับ แบบนี้ความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหน ความรับผิดชอบต่อสังคมมันอยู่ที่ไหน
ประชาชนที่หากินสุจริตเค้าก็ท้อแท้  รู้งี้เค้าทำผิดกฏหมายแล้วจ่ายตำรวจไม่ดีกว่า??
ทุกวัน ผมต้องคิดว่าผมจะทำอย่างไรให้ตำรวจดีขึ้น ให้ตำรวจเป็นที่ยอมรับของประชาชน ตามเจตนารมณ์ของ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู๋หัว รัชการที่ 5 ที่ทรงโปรดให้มีโรงเรียนนายร้อยตำรวจเกิดขึ้น  
และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานยศและกระบี่ด้วยพระหัตน์ของพระองค์ให้มา
ประดับเป็น เกียรติและศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล เพื่อออกไปพิทักษ์และปกป้องประชาชนของพระองค์อย่างแท้จริง
หรือว่าคนแบบผมต้องหลบไปอยู่ในโรงเรียน สอนได้แต่อุดมการณ์ แต่ไม่สามารถทำตามอุดมการณ์ได้
หรือว่าต้องไปเป็นตำรวจตระเวนชายแดนไปเสี่ยงตายอยู่ในพื่นที่เสี่ยงภัย
หรือว่าต้องออกจากราชการตำรวจเพื่อไปทำตามอุดมการณ์ด้วยวิธีอื่น
คำถามคือ ทำไมผมต้องไปล่ะ  ในเมื่อผมรักและศรัทธาในอุดมการณ์ที่จะทำเพื่อชาติ ทำเพื่อพระมหากษัตริ์
และทำเพื่อประชาชน   …
คำถามคือ ทำไมผมต้องปล่อยให้คนที่ไร้ซึ่งอุดมการณ์แต่คิดถึงผลประโยชน์ของตัวเอง แสดงหาผลประโยชน์
โดยอาศัย เครื่องแบบอันศักดิ์สิทธิ์ อาศัยยศที่ได้รับพระราชทาน  จากประชาชน..
คำถามคือ   ยังมีตำรวจที่มีอุดมการณ์แบบผม และไม่ต้องการแสวงหาความรำรวยจากความเดือดร้อนของประชาชน
อยู่อีกมากมายแค่ไหน…
หากผมจะเปลี่ยนแปลงสิ่งๆ นึงที่มันฝังลึกและฝังรากมานานในสังคมไทย  ลำพังผมตัวคนเดียวผมคงไม่สามารถทำ
มันได้  ผมคงต้องอาศัยพลังที่ยิ่งใหญ่ และพลังที่จะทำให้ไม่มีอะไรมาสามารถมาขัดขวางอุดมการณ์ของผมได้
ผมจะหาพลังนั้นได้ที่ไหน ก่อนที่ไฟ และอุดมการณ์ในตัวผมมันจะหมดไป ใครก็ได้ บอกผมที………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

"ทางไปสู่เกียรติศักดิ์ จักประดับดอกไม้ หอมยวลชวนจิตไซร้ ไป่มี"

ความในใจของลูกผู้ชายคนนึง

"OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคม" คุณเองก็ช่วยเหลือสังคมได้ เพื่อสังคมที่ดีของเรา